รวมเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนม

บอกต่อเทคนิคเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมสำหรับคุณแม่มือใหม่

รวมเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนม ให้ตรงความต้องการคุณแม่มากที่สุด      การเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมสำหรับคุณแม่มือใหม่ ควรจะมีเทคนิคในการเลือกซื้อด้วย เพื่อให้คุณแม่ได้เครื่องปั้มน้ำนมที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การคำนึงถึงเรื่องของการปั๊มให้ได้น้ำนมในปริมาณที่มาก เพื่อเก็บสต๊อกน้ำนมให้แก่ลูกน้อยได้มากที่สุดเท่านั้น หากแต่ยังมีข้อที่ควรคำนึงถึงอีกมากมาย เพื่อช่วยให้การเลือกซื้อเครื่องปั๊มมีความเหมาะสมต่อการใช้งาน และตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด ซึ่งเราได้รวบรวมเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องปั๊มไว้ ดังนี้ รวม 5 เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมสำหรับคุณแม่มือใหม่      เครื่องปั๊มนมที่ดีไม่เพียงแค่จะต้องมีประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังจะต้องสามารถตอบโจทย์การใช้งานตามความต้องการได้หลากหลาย แม้ว่าที่ปั้มน้ำนมในปัจจุบันจะมีฟังก์ชันที่หลากหลายก็ตาม แต่หากเรามัวแต่มองถึงเรื่องของฟังก์ชันเพียงอย่างเดียว ก็อาจทำให้ได้เครื่องปั๊มที่ไม่ตรงกับความต้องการของคุณแม่ก็ได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะพิจารณาเลือกซื้อเครื่องปั้มนมยี่ห้อไหนดี คุณแม่ควรพิจารณาถึงข้อควรคำนึง 5 ข้อดังต่อไปนี้ 1. การใช้งานมีความเหมาะสมหรือไม่ สำหรับคุณแม่ฟูลไทม์      หากคุณเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ที่มีเวลาเลี้ยงลูกน้อยด้วยตัวเองตลอดเวลา การใช้เครื่องปั๊มชนิดไฟฟ้าอาจไม่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานเท่าไรนัก เพราะคุณแม่สามารถนำลูกน้อยเข้าเต้าได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาในการให้นมลูก ซึ่งเครื่องปั๊มในปัจจุบันมีทั้งชนิดปั๊มมือและเครื่องปั๊มไฟฟ้า ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องราคาอย่างเห็นได้ชัด เพราะเครื่องปั๊มชนิดไฟฟ้าจะมีราคาที่สูงกว่า ดังนั้นหากคุณแม่สามารถนำลูกเข้าเต้าได้อย่างสะดวก ก็สามารถเลือกซื้อเครื่องปั้มนมแบบมือเพื่อช่วยเก็บสต๊อกน้ำนมได้บ้าง สลับกับการให้นมลูกจากเต้าโดยตรงก็ได้ เพราะการใช้เครื่องปั๊มชนิดไฟฟ้าอาจเกิดความจำเป็นสำหรับคุณแม่ฟูลไทม์นั่นเอง 2. เช็กเรื่องเวลาและสถานที่ที่คุณแม่สะดวกปั๊มน้ำนม      หากคุณแม่มีแผนว่าจะต้องซื้อเครื่องปั๊มน้ำนม เพื่อไว้ใช้สำหรับการปั๊มน้ำนมนอกสถานที่ที่ไม่ใช่ที่บ้าน ก็จะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เป็นฟังก์ชันของเครื่องปั๊มนั้น ๆ ด้วย…

ระยะเวลาการใช้งานเครื่องปั๊มนม

เครื่องปั๊มนมมีอายุการใช้งานนานเท่าไร ควรดูแลรักษาอย่างไร

ระยะเวลาการใช้งานเครื่องปั๊มนม ที่เหมาะสมมากที่สุดคือเท่าใด ?       เครื่องปั๊มนมสามารถใช้งานได้ยาวนานเท่าไร ต้องรอให้เครื่องเสียอย่างเดียวหรือไม่ จึงควรเปลี่ยนเครื่องใหม่ ? และมีวิธีการดูแลรักษาการใช้งานเครื่องปั้มน้ำนมอย่างไร เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานตัวเครื่องให้ได้ยาวนานที่สุด วันนี้เราจะพาคุณแม่ทุกคนมาหาคำตอบ เพื่อให้การใช้งานเครื่องปั๊มน้ำนมของคุณแม่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้ดีที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้เครื่องปั๊มน้ำนมนี้ส่งต่อในรุ่นต่อ ๆ ไปได้อย่างลงตัว ซึ่งการใช้งานเครื่องปั๊มทั้งชนิดไฟฟ้าและบีบมือหรือคันโยก ต่างก็มีข้อควรระวังสำหรับการใช้งาน เพื่อช่วยให้ตัวเครื่องคงประสิทธิภาพเช่นเดิม และใช้งานได้ยาวนานที่สุด เครื่องปั๊มนมมีอายุการใช้งานนานเท่าใด ?      โดยปกติการใช้งานของเครื่องปั๊มนม จะไม่ได้มีการกำหนดเรื่องของอายุการใช้งานไว้โดยเฉพาะ เพราะเครื่องปั๊มแต่ละชนิดก็มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยังไม่มีข้อจำกัดว่าเครื่องชนิดใดมีอายุการใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน หรือไม่มีวันหมดอายุนั่นเอง ดังนั้นการที่คุณแม่จะรู้ได้ว่าที่ปั้มน้ำนมที่เราใช้นั้นถึงเวลาแก่การเลิกใช้หรือยัง หรือควรจะซื้อเครื่องใหม่ใช้งานได้แล้วนั้น คุณแม่จะต้องหมั่นสังเกตและทดสอบตัวเครื่องอยู่เสมอ ๆ เพราะหากฝืนใช้งานไปทั้ง ๆ ที่เครื่องเสื่อมสภาพแล้ว อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณแม่ และน้ำนมที่เก็บสต๊อกให้ลูกน้อยด้วย ซึ่งวิธีการสังเกตอายุการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับเครื่องปั๊มน้ำนมแต่ละชนิดนั้น มีดังนี้ เครื่องปั้มนมแบบมือ      มากันที่เครื่องปั๊มชนิดพื้นฐานกันก่อน สำหรับเครื่องปั๊มชนิดนี้ที่เหมาะกับการกระตุ้นน้ำนมด้วยตัวเอง อีกทั้งคุณแม่เองยังรู้จังหวะในการปั๊มน้ำนมแต่ละครั้งด้วย ซึ่งเครื่องชนิดนี้จะมีคันโยกเป็นตัวดูดน้ำนมของคุณแม่ ให้ไหลผ่านเต้านมออกมา ดังนั้นคุณแม่จึงต้องใช้แรงดันคันโยกที่ปั้มนมมือแต่ละครั้งเพื่อให้น้ำนมไหลออกมา ซึ่งการใช้งานเครื่องชนิดนี้ที่เหมาะสมคืออยู่ในช่วงประมาณ 1-2 ปี เพราะคันโยกจะเริ่มเสื่อมสภาพเมื่อมีการใช้งานบ่อย ๆ…

รีวิว4เครื่องปั๊มนม

รีวิว 4 เครื่องปั๊มนมจากแอปชอปปิ้งออนไลน์ที่มีคนซื้อมากที่สุด

     ในปัจจุบันเครื่องปั๊มนมมีมาให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ โดยในการใช้งานนั้นเครื่องปั้มนมไฟฟ้าแต่ละแบรนด์มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นขนาด แรงปั๊ม ราคา หรือการใช้งาน คุณแม่มือใหม่ควรจะต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ซึ่งวันนี้เราก็จะมีการหยิบยกเอา 4 แบรนด์ที่ปั้มนมที่กำลังได้รับความนิยม และสามารถจับจองเป็นเจ้าของผ่านช่องทางออนไลน์ได้มาแนะนำ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับคุณแม่ที่กำลังสงสัยว่าควรจะซื้อเครื่องปั้มนมยี่ห้อไหนดี ? 4 อันดับเครื่องปั๊มนมโดยใจคุณแม่มือใหม่ประจำปี 2022 มารู้จัก 4 แบรนด์เครื่องปั๊มนมดัง ที่ได้รับการโหวตจากคุณแม่มือใหม่ ว่าเป็นยี่ห้อที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด อ้างอิงจากข้อมูลการสั่งซื้อจากแอปช้อปปิ้งออนไลน์ในไทย จึงได้ข้อมูลมาใหม่ว่า 4 ยี่ห้อดังมีอะไรกันบ้าง เริ่มจากแบรนด์ดังที่คุ้นหูอย่าง SPECTRA รุ่น S1      หากคุณทำการค้นหา เครื่องปั้มนมไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี รับรองว่ายี่ห้อนี้จะต้องขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ หรือพูดได้อีกอย่างว่าเป็นอันดับหนึ่งในใจคุณแม่หลาย ๆ คนเลยเพราะมีคุณสมบัติพิเศษที่โรงพยาบาลทั่วไปมักเลือกใช้ ให้คุณแม่ได้ทดลองปั๊มนมในช่วงหลังคลอดที่ต้องพักผ่อนอยู่โรงพยาบาล คุณแม่จึงอยากได้ยี่ห้อเดียวกับโรงพยาบาลมาใช้งานที่บ้านเหมือนกัน รุ่นนี้มีโหมดการใช้งานสองโหมด คือ โหมดกระตุ้น ที่มีให้เลือกถึง 5 ระดับ และโหมดดูดน้ำนมที่มีให้เลือกถึง 12 ระดับ สามารถปั๊มเดี่ยวหรือปั๊มคู่ก็ได้    …

ระยะเวลาการใช้งานเครื่องปั๊มนม

เครื่องปั๊มนมมีอายุการใช้งานนานเท่าไร ควรดูแลรักษาอย่างไร เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ได้ยาวนานที่สุด เคล็ดไม่ลับที่คุณแม่ทุกคนควรรู้

ระยะเวลาการใช้งานเครื่องปั๊มนม ที่เหมาะสมมากที่สุดคือเท่าใด ?      เครื่องปั๊มนมสามารถใช้งานได้ยาวนานเท่าไร ต้องรอให้เครื่องเสียอย่างเดียวหรือไม่ จึงควรเปลี่ยนเครื่องใหม่ ? และมีวิธีการดูแลรักษาการใช้งานเครื่องปั้มน้ำนมอย่างไร เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานตัวเครื่องให้ได้ยาวนานที่สุด วันนี้เราจะพาคุณแม่ทุกคนมาหาคำตอบ เพื่อให้การใช้งานเครื่องปั๊มน้ำนมของคุณแม่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้ดีที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้เครื่องปั๊มน้ำนมนี้ส่งต่อในรุ่นต่อ ๆ ไปได้อย่างลงตัว ซึ่งการใช้งานเครื่องปั๊มทั้งชนิดไฟฟ้าและบีบมือหรือคันโยก ต่างก็มีข้อควรระวังสำหรับการใช้งาน เพื่อช่วยให้ตัวเครื่องคงประสิทธิภาพเช่นเดิม และใช้งานได้ยาวนานที่สุด เครื่องปั๊มนมมีอายุการใช้งานนานเท่าใด ?      โดยปกติการใช้งานของ เครื่องปั๊มนม จะไม่ได้มีการกำหนดเรื่องของอายุการใช้งานไว้โดยเฉพาะ เพราะเครื่องปั๊มแต่ละชนิดก็มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยังไม่มีข้อจำกัดว่าเครื่องชนิดใดมีอายุการใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน หรือไม่มีวันหมดอายุนั่นเอง ดังนั้นการที่คุณแม่จะรู้ได้ว่าที่ปั้มน้ำนมที่เราใช้นั้นถึงเวลาแก่การเลิกใช้หรือยัง หรือควรจะซื้อเครื่องใหม่ใช้งานได้แล้วนั้น คุณแม่จะต้องหมั่นสังเกตและทดสอบตัวเครื่องอยู่เสมอ ๆ เพราะหากฝืนใช้งานไปทั้ง ๆ ที่เครื่องเสื่อมสภาพแล้ว อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณแม่ และน้ำนมที่เก็บสต๊อกให้ลูกน้อยด้วย ซึ่งวิธีการสังเกตอายุการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับเครื่องปั๊มน้ำนมแต่ละชนิดนั้น มีดังนี้ เครื่องปั้มนมแบบมือ มากันที่เครื่องปั๊มชนิดพื้นฐานกันก่อน สำหรับเครื่องปั๊มชนิดนี้ที่เหมาะกับการกระตุ้นน้ำนมด้วยตัวเอง อีกทั้งคุณแม่เองยังรู้จังหวะในการปั๊มน้ำนมแต่ละครั้งด้วย ซึ่งเครื่องชนิดนี้จะมีคันโยกเป็นตัวดูดน้ำนมของคุณแม่ ให้ไหลผ่านเต้านมออกมา ดังนั้นคุณแม่จึงต้องใช้แรงดันคันโยกที่ปั้มนมมือแต่ละครั้งเพื่อให้น้ำนมไหลออกมา ซึ่งการใช้งานเครื่องชนิดนี้ที่เหมาะสมคืออยู่ในช่วงประมาณ 1-2 ปี เพราะคันโยกจะเริ่มเสื่อมสภาพเมื่อมีการใช้งานบ่อย ๆ แต่สำหรับการใช้งานของคุณแม่บางท่านที่ไม่ใช้ความระวังเท่าที่ควร อาจมีการดันคันโยกแรงจนเกินไป…

ไขข้อสงสัย ทำไมเครื่องปั๊มน้ำนมถึงสำคัญ 

ในยุคที่ต่างฝ่ายต้องช่วยการทำงานเนื่องจากค่าครองชีพต่าง ๆ ยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เวลาในบ้านของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่นั้นลดลง บ้างก็ต้องฝากเลี้ยงดูเด็ก ๆ ไว้กับคนในครอบครัว ญาติ หรือจ้างพี่เลี้ยงซึ่งสิ่งหนึ่งที่คุณแม่หลายท่านยังคงกังวลคือการให้นมบุตรเนื่องจากค่อนข้างมีเวลาจำกัดและต้องเดินทางไปทำงานนอกบ้าน การหาตัวช่วยอย่าง เครื่องปั๊มน้ำนม จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญ แต่ถึงอย่างไรก่อนจะใช้ก็ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนใช้งานซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้คุณผู้อ่านทุกท่าน ทำไมต้องปั๊มน้ำนม คุณแม่หลายท่านเลือกใช้เครื่องปั๊มน้ำนมเพราะเป็นตัวช่วยในการให้นมลูกซึ่งทำให้มีเวลาในการทำกิจกรรมอื่น ๆ รวงถึงการเปิดโอกาสให้คุณพ่อได้ใกล้ชิดกับลูกมากขึ้นด้วยการให้นมแทนแม่ซึ่งสามารถสลับกันทำหน้าที่ได้เพียงแค่คุณแม่ต้องมีนมสำรองเตรียมไว้ ข้อดีของการใช้เครื่องปั๊มน้ำนม การช่วยกระตุ้นการผลิตนมทำให้มีปริมาณน้ำนมเพิ่มมากขึ้น ช่วยเก็บสำรองนมไว้ให้แก่ทารก ในช่วงที่คุณแม่ต้องออกไปทำงาน หรือคลอดก่อนกำหนด คุณแม่ที่ไม่สามารถให้นมลูกโดยตรงได้ รวมถึงคุณแม่ที่ต้องหยุดให้นมเนื่องจากการใช้ยา หรือได้รับการรักษาที่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำนมและการปนเปื้อน บรรเทาอาการเจ็บปวดจากการคัดเต้านม แต่หากปั๊มเต้านมปริมาณมากเกินไปในช่วงที่คัดเต้านมอาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้น ประโยชน์จากนมแม่ที่เด็กจะได้รับ รู้หรือไม่ว่านมแม่นั้นมีประโยชน์มากมายสำหรับลูกน้อยซึ่งหากเปรียบก็คงเหมือนวัคซีนเข็มแรกที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน รวมถึงข้อดีอื่น ๆ ดังนี้ การพัฒนาการทางสมอง ซึ่งมีงานวิจัยเผยว่านมแม่มีส่วนช่วยในการพัฒนาทางการสมองและเชาวน์ปัญญา (IQ) มากกว่าเด็กที่กินนมผสมเนื่องจากนมแม่มีส่วนพัฒนาการของเด็กและเซลล์ประสาทให้มีการทำงานที่สมบูรณ์ ภูมิคุ้มกันโรคที่ดี นมแม่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านการเจ็บป่วยทั้งการเจ็บป่วยทั่วไป ติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด รวมถึงการช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กและโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคอ้วน เบาหวานและโรคไหลตายในเด็กทารก (SISD) การเจริญเติบโต ด้วยนมแม่ทำให้เด็ก ๆ เติบโตเหมาะสมกับช่วงวัยทั้งการทรงตัว กระดูกและฟันแข็งแรงมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้การให้นมบุตรยังช่วยให้คุณแม่หลั่งฮอร์โมน “ออกซิโทซิน”…

เคล็ดลับคุณแม่วัยทำงานกับการใช้เครื่องป

เคล็ดลับคุณแม่วัยทำงานกับการใช้เครื่องปั๊มน้ำนม

เครื่องปั๊มน้ำนม ตัวช่วยทุ่นแรงคุณแม่ให้มีเวลาเพิ่มขึ้นและหายกังวลเมื่อต้องอกไปทำงานซึ่งมีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการ สำหรับคุณแม่ที่มีเวลาว่างเครื่องปั๊มนมยังจำเป็นอยู่หรือไม่ พร้อมเคล็ดการเก็บรักษานมแม่อย่างถูกวิธีและสิ่งที่ควรรู้ก่อนสายกับ 6 โรคที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้นมบุตรโดยตนเอง เครื่องปั๊มน้ำนมมีประโยชน์อย่างไร  เครื่องปั๊มนมเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับการพัฒนาด้วเทคโนโลยีที่นำมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ซึ่งมีประโยชน์ ดังนี้ นมแม่มีสารอาหารอาหารครบถ้วนและมีฮอร์โมนที่จำเป็นเหมาะต่อการเจริญเติบโตของทารก นมแม่ช่วยให้ดูดซึมได้ง่ายทำให้เด็กขับถ่ายได้ดีและลดอาการท้องอืด นมแม่มีภูมิต้านทานโรคโดยเฉพาะในช่วงแรกหลังคลอด นมแม่ช่วยป้องกันการแพ้โปรตีนและป้องกันโรคภูมิแพ้ รวมถึงลดอาการผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้และหอบหืด น้ำนมแม่กรดไขมัน DHA ที่จำเป็นช่วยให้เสริมพัฒนาการสมองและระบบประสาททำงานได้ดี นมแม่ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นทางจิตใจให้แก่เด็กส่งผลให้สภาวะจิตใจปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดีมากขึ้นและสร้างสายใยสัมพันธ์ให้เด็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เคล็ดลับการใช้เครื่องปั๊มนมแต่ละประเภท ในปัจจุบันเราสามารถแบ่งประเภทตามการใช้งานของเครื่องปั๊มนมได้ 2 แบบ คือแบบไฟฟ้าและแบบใช้มือ แบบใช้มือปั๊ม ซึ่งคุณแม่ควรเริ่มต้นจากการล้างมือและขวดนมให้สะอาด แล้วเริ่มนวดหน้าอก หรือใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเต้านมเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำนม จากนั้นให้นั่งลงแล้วเอนตัวไปข้างหน้า แล้ววางนิ้วโป้งเหนือหัวนม นิ้วชี้ใต้ราวนมซึ่งควรห่างจากกันประมาณ 1 นิ้ว (มือจะอยู่ในลักษณะตัว C) โดยเริ่มจากกดนิ้วทั้งสองลงพร้อมกันช้า ๆ เพื่อบีบน้ำนมออกซึ่งหากไม่ค่อยออกให้ค่อย ๆ ปรับทิศทางจนน้ำนมไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นให้เปลี่ยนบริเวณที่บีบไปยังบริเวณรอบ ๆ ลานนมเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บและเมื่อเสร้จสิ้นให้เก็บน้ำนมไว้ในบรรจุภัณฑ์ หรือขวดนมที่สะอาด แบบใช้ไฟฟ้า ให้เริ่มต้นจากการล้างมือเพื่อหยิบอุปกรณ์ปั๊มนมและขวดนมให้สะอาด นำกรวยมาวางให้อยู่ตรงกลางหัวนมเพื่อทำการปั๊มนมโดยใช้มือประคองเต้านมด้วยมือเดียวซึ่งให้นิ้วโป้งอยู่ด้านบนส่วนนิ้วที่เหลืออยู่ใต้เต้านม (ระมัดระวังอย่าออกแรงดันหัวนมกับกรวยเต้านมมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้) จากนั้นให้ปรับความเร็วและอัตราการปั๊มตามคู่มือการใช้งานซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาปั๊มประมาณ 15 – 20 นาทีเมื่อครบเวลาให้นำกรวยออกจากเต้านมและนำนมที่ปั๊มไปเก็บแช่เย็นไว้ทันทีเพื่อรักษาคุณภาพน้ำนม หากมีเวลาว่าง จำเป็นต้องใช้เครื่องปั๊มน้ำนมหรือไม่…

เครื่องปั๊มน้ำนมตัวช่วยอุปกรณ์ติดบ้านที่คุณแม่ต้องมี

เครื่องปั๊มน้ำนมตัวช่วยอุปกรณ์ติดบ้านที่คุณแม่ต้องมี

ในยุคที่ผู้หญิงออกมาทำงานมากขึ้นซึ่งไม่ได้ทำงานแค่ในบ้านเช่นสมัยก่อน การมีลูกน้อยคุณแม่จึงต้องรับ 2  หน้าที่การมีตัวช่วยอย่างเครื่องปั๊มนมเพื่อเก็บไว้ให้ลูกน้อยจึงเปรียบเสมือนการแบ่งเบาภาระของคุณแม่ให้มีเวลาทำงานและดูแลลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม โดยพร้อมเคล็ดลับการเลือกเครื่องปั๊มนม วิธีการทำความสะอาดและข้อควรระวังที่ควรทราบเพื่อเป็นแนวปฏิบัติฉบับคุณแม่มือใหม่ การปั๊มนม คืออะไร การปั๊มนมเป็นวิธีการเก็บสำรองนมแม่ที่สะดวก ประหยัดเวลาและยังช่วยให้หมดความกังวลเรื่องปริมาณนมที่ไม่เพียงพอจากการให้นมจากเต้าซึ่งสามารถปั๊มเก็บไว้เพื่อนำมาใช้ในช่วงเวลาที่ไม่สะดวก ติดธุระ หรือต้องออกไปทำงานข้างนอกโดยให้พี่เลี้ยง หรือผู้ที่รับผิดชอบดูแลลูกน้อยยังคงสามารถให้นมเพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนจากนมแม่ ควรเริ่มปั๊มนมเมื่อใด โดยการปั๊มนมบุตรควรเริ่มหลังคลอดบุตรซึ่งควรจะเริ่มต้นปั๊มทันทีหลังคลอดโดยเฉพาะคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมที่ไม่เพียงพอเพื่อจะช่วยให้มีน้ำนมไหลออกมามากขึ้น ในกรณีที่คุณแม่ต้องกลับไปทำงานหลังคลอดควรมีการฝึกปั๊มนมล่วงหน้า 1 – 2 สัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งอาจจะปั๊มหลังจากให้นมบุตรเรียบร้อย หรือระหว่างการให้นม การฝึกปั๊มนมจะช่วยให้คุณแม่เรียนรู้วิธีการปั๊มได้อย่างถูกต้องและที่สำคัญคือสามารถเริ่มกักเก็บนมสำรองไว้เพื่อลูกน้อยในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน ทั้งนี้ ไม่ควรให้เด็กเรียนรู้การดูดนมจากขวดเร็วเกินไปเพราะอาจจะทำให้เด็กสับสนและติดการดูดนมจากขวด แต่ก็ไม่เสมอไปในเด็กบางคนก็สามารถปรับตัวได้ดีทำให้สามารถดูดนมสลับกันได้ไม่มีปัญหาขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและพฤติกรรมเด็กในแต่ละบุคคล เลือกเครื่องปั๊มน้ำนม แม้จะทราบว่าดีเครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วยสำคัญของคุณแม่ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกซึ่งการเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้น้ำนมที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้ เครื่องปั๊มนมแบบธรรมดา เป็นเครื่องปั๊มนมชนิดใช้มือซึ่งมีราคาค่อนข้างถูก ขนาดเล็กเหมาะกับการใช้งานแบบครั้งคราว โดยค่อนข้างใช้เวลานานในการปั๊มนมแต่ละครั้งจึงไม่เหมาะกับคุณแม่ที่ทำงานประจำ เครื่องปั๊มนมแบบไฟฟ้า เป็นเครื่องปั๊มนมที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความทันสมัยจึงค่อนข้างมีราคาแพง ใช้งานง่ายกว่าเครื่องปั๊มนมธรรมดาซึ่งช่วยทุ่นเวลาและได้ปริมาณน้ำนมที่มากกว่าจึงเหมาะกับคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบปั๊มทีละข้าง หรือปั๊มสองข้าง โดยแต่ละแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความสะดวกของผู้ใช้งาน รวมถึงราคาและคุณภาพที่ได้รับที่ค่อนข้างแตกต่างกันจึงอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาตามความเหมาะสมของความต้องการ วิธีการทำความสะอาดเครื่องปั๊มน้ำนม สำหรับขั้นตอนการทำความสะอาดเครื่องปั๊มนมควรล้างส่วนประกอบที่เลอะน้ำนมด้วยน้ำเย็นทันทีหลังใช้งาน โดยแยกส่วนประกอบแต่ละชิ้นออกมาล้างน้ำอุ่นผสมกับน้ำล้างจาน และควรล้างทำความสะอาดอีกครั้งด้วยน้ำอุ่นซึ่งควรเปิดให้น้ำไหลผ่านไป 10 – 15 วิแล้วควรต้มล้างฆ่าเชื้อ หรือล้างเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งด้วยแอลกอฮอล์ 70 – 90%  จากนั้นผึ่งให้แห้งบนกระดาษทิชชู่แผ่นหนา หรือชั้นวางเพื่อให้แห้งสนิท ในกรณีที่ชิ้นส่วนมีการแตกหัก ชำรุด หรือเสียหายควรเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ทันที…

4 ท่าอุุ้มให้ลูกเรอ

4 ท่าอุุ้มให้ลูกเรอ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรลืม

คุณแม่มือใหม่ ที่อยู่ในช่วงให้นมลูกลทราบไหมคะ ว่าในช่วงที่ให้นมลูกอ่อน อายุ 0-3 เดือน ลูกมักจะมีแก๊สสะสมในกระเพาะ ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดแก๊สนั่นก็คือ ลูกกลืนอากาศเข้าไปเยอะ ระบบย่อยอาหารที่เปลี่ยนบางส่วนให้กลายเป็นแก๊ส หรือการแพ้นมต่างๆ นั่นเอง ซึ่งทางกำจัดแก๊สก็คือการเรอออกมาก แต่ด้วยวัย และพัฒนาการของเด็กแรกเกิดไม่สามารถที่เรอได้ด้วยตัวเอง คุณแม่หรือคุณพ่อจึงจะต้องช่วยและจับให้ลูกเรอบ่อยๆ เพื่อจะได้ไม่มีแก้สะสมอยู่ในท้องเยอะ ซึ่งจะส่งผลต่างๆ ให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด เกิดอารมณ์จะบ่จอยขึ้นได้ค่ะ Mummily จะพาคุณพ่อคุณแม่มารู้จักกับท่าต่างๆ ที่จะจับลูกเรอในระหว่างของการกินนมและหลังกินนมกัน ดังนี้ค่ะ เริ่มจากท่าง่ายๆ อย่างอุ้มพาดบ่าปกติ ท่านี้ดูเหมือนเป็นท่าง่ายๆ แต่ถ้าอุ้มไม่ถูกก็อาจจะทำให้ลูกแหวะนมออกมาได้ เพราะฉะนั้นแนะนำคุณแม่มือใหม่เลยค่ะว่าควรมีผ้าอ้อมรองไว้ที่บ่า ประคองคอของลูกดีๆ อุ้มลูกแนบชิดกับหน้าอกของแม่เลย พร้อมกับลูบหลังลูกเบาๆ ต่อมาเป็นท่านั่งตัก โดยเอนหน้าของลูกไปข้างหน้าเล็กน้อย ซึ่งท่านี้ก็ควรที่จะมีผ้าอ้อมผูกไว้ด้านหน้าของลูกด้วยเช่นกัน กันลูกแหวะนม และท่านี้จะต้องใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งที่คางเพื่อประคองคอและศีรษะของลูกเอาไว้ด้วยค่า พร้อมกับลูบหลังลูกเบาๆ ต่อมาเป็นท่าที่จับลูกนอนคว่ำบนตัก ท่านี้ต้องระวังไม่ให้ลูกทับแขนตัวเองและคุณแม่ต้องคอยประคองหน้าอกและไหล่ของลูกไว้ พร้อมกับลูบหลังลูกเบาๆ ต่อมาเป็นท่าที่จับลูกนอนนอนหงายบนตัก แต่จะจัดขาลูกให้งอขึ้นที่หน้าอก ท่านี้จะช่วยได้ดีหากลูกไม่ยอมเรอสักที่ เพราะเป็นท่าที่จะช่วยระบายลม แก๊สที่สะสมออกจากช่องท้องได้นั่นเองค่า ท่าอุ้มเรอแต่ละท่า เป็นท่าที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่สามารถผลัดกันทำได้ หากทำอย่างถูกต้อง จับให้ลูกเรอบ่อยๆ ก็จะดีต่อลูกน้อยมากๆ และจะช่วยขับลม ทำให้ระบบย่อยอาหารของลูกดี รู้สึกสบายตัวอีกด้วยค่ะ…

4 ผลไม้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง?

4 ผลไม้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง?

เราต่างรู้กันดีว่าการรับประทานผลไม้นั้นดีสุขภาพ ระบบขับถ่าย และผิวพรรณ แต่ในทางกลับกัน ถ้าตอนนี้ใครกำลังจะเข้าสู่การเป็นคุณแม่ กำลังตั้งครรภ์อยู่ ผลไม้ที่เคยๆรับประทานไม่ได้ให้ประโยชน์ทั้งหมดนะคะ เพราะจะมีผลไม้บางชนิดที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะเกิดผลกระทบกับคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมากเลยค่ะ 4 ประเภทผลไม้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง เริ่มต้นด้วยผลไม้รสหวานทานง่าย เช่นลำไย หรือผลไม้ที่มีรสหวานชื่นใจ อย่าง มะม่วงสุก ทุเรียน องุ่น ผลไม้พวกนี้จะมีน้ำตาลค่อนข้างสูง หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่รับประทานผลไม้ที่มีรสหวานบ่อยๆ จะเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานได้ ที่สำคัญคือส่งผลกระทบทั้งน้ำหนักตัวที่จะพุ่งและหุ่นของคุณแม่หลังคลอดอีกด้วย น้ำหนักลงยาก ลดยากนั่นเองค่ะ ผลไม้ดิบ เช่น มะม่วงดิบ หรือผลไม้ที่ดูจะมีแป้งสูงหรือมีคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งเมื่อมีแป้งสูงทำให้ผลไม้ประเภทนี้ทานไปแล้วย่อยยาก ยิ่งถ้ากำลังตั้งครรภ์ ตัวคุณแม่เองก็จะมีระบบการดูดซึม ระบบการย่อยอาหารที่ช้าลงกว่าก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งจะส่งผลให้คุณแม่เกิดอาการแน่นท้องได้ ไม่สบายตัวได้ค่ะ ผลไม้ที่มีกำมะถัน เช่น ทุเรียน ผลไม้ที่หวานมันละมุน ของโปรดของแม่ๆหลายๆคน แต่ใครจะทราบว่าหากทานเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดกลิ่น และยังเป็นตัวสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารของเราให้มีมากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้ท้องอืด จุกเสียด เป็นกรดไหลย้อน เป็นอาการที่ทำให้คุณแม่ที่ท้องใหญ่อยู่แล้วยิ่งทรมานได้ค่ะ ของหมักของดอง ผลไม้แปรรูป ต่อให้คุณแม่จะเปรี้ยวปากแค่ไหน แต่ผลไม้ดองเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรหลีกเลี่ยงเลยค่ะ เพราะแน่นอนว่าของหมักดอง ใส่ทั้งวัตถุกันเสีย บอแรกซ์ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายของคุณแม่ได้รับสารปนเปื้อนพวกนี้ไปเต็มๆเลยค่ะ และอาจส่งผลกับลูกน้อยในท้องอีกด้วย เมื่อรู้แบบนี้แล้ว…

6 วิธีเลือกกระติกน้ำให้ลูกรัก เมื่อถึงวัยเลิกขวดนม!

6 วิธีเลือกกระติกน้ำให้ลูกรัก เมื่อถึงวัยเลิกขวดนม!

บ้านไหนลูกเริ่มโต เริ่มถึงวัยที่ต้องโบกมือลาขวดนมกันแล้วบ้าง แต่ก็เอ๊ะช่วงไหนที่ลูกควรเลือกขวดนม Drink in the Box ขอตอบให้ค่า ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดในการเลิกขวดนมคือช่วงอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพราะด้วยปัจจัยหลายๆอย่างของลูกน้อย ทั้งฟันที่เริ่มขึ้น เรื่องพัฒนาการทั้งรางกาย กล้ามเนื้อ และ พัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเลิกขวดนมเลยค่ะ และเมื่อลูกถึงวัยเลิกขวดนมแล้ว สเตปต่อไปคือคุณพ่อคุณแม่จะต้องหาแก้วน้ำหรือกระติกมาให้ลูกๆใช้ แทน เพื่อให้ลูกเริ่มฝึกลูกๆดื่มน้ำ ดูดน้ำ นอกจากเป็นวัยที่ควรหากระติกที่ช่วยให้ลูกหัดดื่ม หัดดูดแล้ว เด็กวัยตั้งแต่1ปีขึ้นไปนี้จะทั้งซน และเป็นช่วงที่ดื่มน้ำน้อยมาก เพราะช่วงวัยนี้มีความอยากรู้อยากลองอยากเล่นสนุกจนบางทีก็ลืมดื่มน้ำไป เพราะฉะนั้นจะเลือกซื้อกระติกให้ลูกทั้งทีต้องครอบคลุมทุกปัจจัยเลยค่า Drink in the Box มีวิธีเลือกการกระติกน้ำให้ลูกมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ 1. วัสดุของกระติกต้องแข็งแรงทนทาน แนบสนิท และปลอดภัยกับเด็กๆ เพราะเด็กวัยนี้เรียกได้ว่าแสบสุดๆ เป็นนักปามืออาชีพ ปาทุกอย่าง เพราะฉะนั้นการจะหากระติกซักใบให้ลูกจึงต้องคำนึงถึงความแข็งแรงทนทาน ตกไม่แตก เพราะจะได้ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ อีกทั้งกระติกที่ปิดได้สนิทจะสามารถพกพาไปข้างนอกได้โดยไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะหกเลอะเทอะเลยค่ะ 2. หลอดดูดต้องนิ่ม หลอดใหญ่ ดูดง่าย เพราะจะเป็นตัวช่วยในการฝึกการดูดน้ำของเด็กวัยนี้ได้ดี ยิ่งถ้ามีวาล์วกันสำลักก็จะยิ่งดีสำหรับวัยเริ่มต้นเลยค่ะ 3. ความใสของกระติก และสีสันสดใส…